FOUR FROM LAMER
- Admin
- Apr 13, 2018
- 1 min read
ได้ยินมานานว่าถ้าอยากใช้อายครีมดีๆ ก็ต้องลาแมร์เท่านั้น พูดตรงๆค่ะ ครั้งแรกที่เห็นราคา เราเองก็แอบสะดุ้งแรงเหมือนกัน ดูสิเจ้าอายครีมกระปุกเล็กๆน่ารัก 15 ml. มีราคาสูงถึง 8,800 บาท ตอนนั้นก็ได้แต่นั่งมองนั้นแหละค่ะ ยังไม่กล้าลงทุน แต่ทิฟเองก็เชื่อมาตลอดนะว่า ถ้าหากได้ลองใช้แล้วจะต้องดี มากๆและเห็นผลเรื่องรอบดวงตาได้อย่างรวดเร็วแน่นอน แล้วคิดดูสิคะ ขนาดอายครีมยังราคาสูงขนาดนี้ มอยซ์เจอร์ไรซ์เซอร์ล่ะ จะราคาขนาดไหนกันนะ
จริงๆแล้วอายครีมเป็นชิ้นที่เราควรลงทุนค่ะ เพราะบริเวณรอบดวงตาของเราบอบบางมาก และได้รับการเสียดสีมากพอสมควร ก็คิดอยู่แหละว่าวันนึงเราก็ต้องมีอายครีมดีๆสักกระปุก แน่นอนว่าลาแมร์คือชอยส์แรกที่เรานึกถึง
แต่เหมือนสิ่งที่เราสะสมแต้มบุญไว้ก็ปรากฎ
(แหม๋ พูดซะน่าตื่นเต้น กลายเป็นเรื่องลึกลับไปแล้ว) ทางลาแมร์ได้ส่งของขวัญน่ารักๆมาให้เราถึงบ้าน ใช่ค่ะทุกคน สองชิ้นแรกที่เราได้มาคืออายครีม พิมมาถึงตรงนี้แล้วยังจำความรู้สึกตอนที่เปิดถุงได้เลย มันมีความสุขมากจริงๆค่ะคุณ
เริ่มจากสองชิ้นแรกที่ลาแมร์ส่งมาให้เราได้ลองใช้เลยก็คือ The Eye Concentrate และ The Lifting Eye Serum และชิ้นที่ตามมาติดๆก็คือ The Eye Blam Intense ต้องขอบอกเลยว่า เห็นชิ้นเล็กๆแบบนี้ จากเดิมที่เข้าใจว่าใช้ไม่นานก็คงจะหมด ที่ไหนได้ เราคิดผิด เพราะด้วยความเข้มข้นของเนื้อโปรดักส์แต่ละชิ้น ทำให้เราใช้จริงในปริมาณที่น้อยมากก็สามารถทาได้รอบดวงตาแล้ว

งั้นเดี๋ยวเราจะพูดถึงผลิตภัณฑ์รอบดวงตาแต่ละตัวไปพร้อมกันเลยนะคะ เริ่มจากชิ้นแรก LA MER THE LIFTING EYE SERUM ( 15ml. 10,100 baht ) เป็นเซรั่มฟื้นบำรุงผิวรอบดวงตาให้กระชับ ได้รูป ดูอ่อนเยาว์ มีส่วนผสมจาก Stretch Matrix Complex ลิขสิทธ์ของลาแมร์ ผสานกับส่วนผสมใต้ท้องทะเลและสาหร่าย



เนื้อเซรั่มมีความเข้มข้น ไม่ได้ใส ไหลเร็วเหมือนน้ำ มีความเกาะผิว และชุ่มชื้นมาก หัวดรอปเปอร์กะปริมาณในการใช้ได้พอดี ก็คือ กด 1 ปั้ม สามารถใช้ได้กับรอบดวงตาหนึ่งข้างพอดี เนื้อค่อนข้างซึมไว ถ้าหากใช้ร่วมกับ แอพพลิเคเตอร์จะยิ่งดีมาก เพราะแอพพลิเคเตอร์เป็นสแตนเลส ลดการเสียดสี และลดการบวมของรอบดวงตา จริงๆทิฟลองใช้ทั้งมือ และ แอพพลิเคเตอร์เพราะด้วยความอยากรู้ถึงความแตกต่าง สรุปได้ว่า เนื้อเซรั่มจะซึมไวกว่าถ้าใช้กับแอพพลิเคเตอร์


และผลการใช้จากที่สังเกตตัวเองแทบจะทุกวัน ก็คือผิวบริเวณรอบดวงตาที่ดูเหนื่อยล้า โดยเฉพาะใต้ตาที่ดูหย่อนๆ กลับดูได้รูปขึ้น กระชับขึ้น และดูสดชื่นขึ้นมาก
สองชิ้นถัดมาเราขอพูดถึงพร้อมๆกันนะคะ LAMER THE EYE CONCENTRATE ( 15 ml. 8,800 baht ) อายครีมที่ประกอบไปด้วยแร่เหล็กจากธรรมชาติและ Miracle Broth ถึง 3 รูปแบบ ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของลาแมร์ ชิ้นนี้ช่วยในเรื่องของลดเลือนรอยคล้ำและริ้วรอยรอบดวงตาให้ดูจางลง เติมความชุ่มชื่น และทำให้ดูกระจ่างใสขึ้น
ส่วนอีกชิ้นคือ LAMER THE EYE BLAM ( 15 ml. 8,800 baht ) อายครีมที่มีส่วนประกอบด้วย Miracle Broth ถึง 3 รูปแบบ และ Marine Ferment ช่วยลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตา ทำให้ผิวรอบดวงตาดูกระชับและเรียบเนียน

ถ้าหากถามทิฟว่า เราต้องมีทั้งสองชิ้นนี้เลยมั้ย ตามความคิดทิฟ ทิฟมองว่าแล้วแต่สะดวกดีกว่า แต่คิดว่าสามารถใช้ร่วมกันได้ทั้งสองชิ้น โดยลักษณะวิธีการใช้ของทิฟ ทิฟจะใช้ The Eye Blam ก่อน เพราะเนื้อค่อนข้างเบากว่า แทบจะไม่ต้องวอร์มเนื้อครีมเลย ให้ความรู้สึกสดชื่นเบาๆ แล้วถึงจะใช้ The Eye Concentrate ต่อเพราะเนื้อครีมจะมีความหนักกว่า ต้องวอร์มก่อนเล็กน้อย แต่ให้ความชุ่มชื้นดีมาก จะใช้นิ้วมือหรือแอพพลิเคเตอร์ก็แล้วแต่ความถนัด บางวันทิฟก็ใช้แอพพลิเคเตอร์ บางวันก็ใช้นิ้วนางกดเบาๆรอบดวงตา ผลที่ได้ไม่ต่างกัน แค่ว่าความเย็นจากแอพพลิเคเตอร์มีส่วนช่วยลดการบวมของใต้ตาได้ค่อนข้างดี ถ้าใครมีปัญหาในส่วนนี้ก็แนะนำว่าใช้กับแอพพลิเคเตอร์ดีกว่า


ส่วนผลการใช้จากที่ทิฟสังเกต เรื่องความหมองคล้ำรอบดวงตาดูสดใส ชุ่มชื่นขึ้นจริงๆ ริ้วรอยทิฟอาจจะยังไม่ได้มีจนเห็นชัดมาก (เพราะอายุเพิ่ง 27 ) แต่ทิฟหวังผลเรื่องป้องกันไม่ให้ริ้วรอยเกิดขึ้น เพราะด้วยการทำงานของทิฟก็คือต้องแต่งหน้าเยอะ มีการเช็ด ถูบริเวณรอบดวงตาค่อนข้างหลายครั้งต่อวัน เลยต้องเน้นบำรุงมากๆตั้งแต่ตอนนี้ เพราะมีสิทธิ์ที่จะมีริ้วรอย หย่อยคล้อยได้เร็วกว่าคนอื่นๆที่ไม่ได้ต้องแต่งหน้าเยอะแบบเรา ส่วนตัวแอพพลิเคเตอร์นี่ต้องบอกว่าดีมากจริงๆทิฟเป็นคนที่มีปัญหาตาบวมบ่อยๆ ซึ่งไม่แน่ใจว่าเกิดจากอะไรเหมือนกัน อาจจะนอนดึก นอนไม่พอ เป็นภูมิแพ้ แต่พอเราใช้แอพพลิเคเตอร์นวดวนไปที่รอบดวงตาเป็นการกระตุ้นการไหลเวียน และความเย็นจากแอพพลิเคเตอร์ เลยทำให้พักหลังๆมานี้ไม่มีอาการบวมของรอบดวงตาอีกเลย

มาถึงชิ้นล่าสุดของเรา สำหรับใครที่เคยมีความกังวลว่า เนื้อครีมของลาแมร์รุ่นเดิมค่อนข้างหนักผิว ต้องวอร์มก่อนเยอะๆ ถึงจะทาได้ น่าจะเหมาะกับอากาศเย็นมากกว่ารึเปล่า เมืองไทยร้อนนะ จะเหมาะหรอ... หมดความกังวลไปได้เลยค่ะ เพราะ LAMER MOISTURIZING COOL GEL CREAM ( 60 ml. 13,300 baht ) นี่เหมาะมากจริงๆ ยืนยันด้วยคนผิวมันแบบดิชั้น ชื่อก็บอกว่าเป็น Cool Gel Cream เนื้อครีมจะเป็นแบบเจล นุ่มๆเย็นสบายผิว กลิ่นหอมเหมือนแป้งเด็ก (ในความรู้สึกส่วนตัว) ไม่ต้องวอร์มเนื้อก่อนทา สามารถแต้มลงบนผิวแล้วทาตามปกติได้และค่อนข้างซึมไว ชิ้นนี้จะช่วยปลอบประโลมผิวให้รู้สึกสบาย และชุ่มชื้น ทำให้ผิวสุขภาพดี ดูอ่อนเยาว์ด้วย Miracle Broth สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว แม้ผิวบอบบางก็สามารถใช้ได้


ในความรู้สึกทิฟ ทิฟว่าครีมชิ้นนี้ไม่ต้องใช้ในปริมาณที่เยอะเลยค่ะ ใช้น้อยกว่าครีมแบรนอื่นที่ทิฟมีอีก ปกติครีมอื่นๆใช้ไม้พายตัก 3 ครั้ง แต่ลาแมร์ใช้ไม้พายตักแค่ 2 ครั้งก็ทาได้ทั่วใบหน้าและลำคอ แล้วก็รู้สึกชุ่มชื้นมากๆแต่ไม่ทำให้ผิวมัน จากที่ใช้มาสักระยะนึงเกือบๆเดือน สิ่งที่สังเกตได้คือผิวนุ่ม และ ละเอียดขึ้น ผิวดูสดใส ดูมีชีวิตชีวา

สุดท้ายนี้ทิฟพูดได้เต็มปากเลยว่า ราคากับคุณภาพของครีมแต่ละชิ้น มีความเหมาะสมกันมากแล้วค่ะ ซึ่งถ้าไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเองก็คงจะนึกไม่ออกจริงๆว่าผลจะออกมาเป็นยังไง จะกล้าลงทุนมั้ย แต่หลังจากนี้ทิฟกล้าที่จะลงทุนกับลาแมร์แล้วจริงๆ เพราะได้เห็นผลลัพธ์ด้วยตาตัวเองทุกอย่างแล้ว และต้องขอบพระคุณทางลาแมร์ที่ทำให้ทิฟมีโอกาสได้สัมผัสด้วยตัวเอง และสามารถบอกเล่าให้กับทุกๆคนที่อ่านบล็อกนี้ของทิฟถึงผลและความประทับใจ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจในการลงทุนของทุกคนนะคะ

สภาพผิวปัจจุบัน : ผิวมัน ไม่มีปัญหาสิว รอยดำ และรูขุมขนกว้าง โปรดักส์ทุกชิ้นทางแบรนส่งมาให้ทดลองใช้ และเป็นผลจากการใช้จริงด้วยตัวเองทุกชิ้นค่ะ
Comments